ปี 2565 เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนรวมกันทั้งปี 19,762 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วค่อนข้างมาก ซึ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับข้อมูลย้อนหลังในรอบ 10 ปี
แต่มีการระบายน้ำออกไปเพียง 13,039 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าปริมาณน้ำไหลเข้าค่อนข้างมาก ทำให้ในช่วงสิ้นปีมีปริมาณน้ำกักเก็บคงเหลือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็น 19,932 ล้านลูกบากศ์เมตร
(80% ของความจุเขื่อน) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก โดยมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากปี 2560 ทั้งนี้เป็นปริมาณน้ำใช้การได้จริง 13,236 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปี 2565 เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนสะสมทั้งปี 8,404 ล้านลูกบาศก์เมตร มากที่สุดนับตั้งแต่หลังเกิดมหาอุทกภัยในปี 2554 แต่มีการระบายน้ำออกไปเพียง
4,115 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือไม่ถึงครึ่งของปริมาณน้ำที่ไหลเข้า ทำให้ในช่วงปลายปี เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำกักเก็บเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วค่อนข้างมาก ปริมาณน้ำกักเก็บ
คงเหลือสิ้นปีอยู่ที่ 1,1905 ล้านลูกบาศก์เมตร (88% ของความจุเขื่อน) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การได้จริง 8,105 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปี 2565 เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนรวมทั้งปี 5,412 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย และมีการระบายน้ำออกไปเพียง 3,179 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปริมาณน้ำไหลเข้า ทำให้ในช่วงปลายปี เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อยเป็น 6,358 ล้านลูกบาศก์เมตร (67% ของ
ความจุเขื่อน) อยู่ในเกณฑ์น้ำปานกลาง โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การได้จริง 3,508 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปี 2565 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนสะสมรวมทั้งปี 2,039 ล้านลูกบาศก์เมตร มากเป็นอันดับที่ 3 รองจากปี 2554 และ 2560 หากเทียบกับข้อมูลตั้งแต่มีการสร้างเขื่อน และเนื่องจากใน
ช่วงต้นปี 2565 เขื่อนแควน้อยมีการกักเก็บน้ำไว้ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องระบายน้ำออกไปเกือบจะทั้งหมดของน้ำที่ไหลเข้ามาในเขื่อน โดยระบายไปถึง 2,092 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ ณ วันสิ้นปี เขื่อน
แควน้อยมีปริมาณน้ำกักเก็บคงเหลือสิ้นปี 817 ล้านลูกบาศก์เมตร (87% ของความจุเขื่อน) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การได้จริง 774 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปี 2565 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณไหลลงเขื่อนสะสมรวมทั้งปี 3,852 ล้านลูกบาศก์เมตร มากเป็นอันดับที่ 2 รองจากปี 2554 และมีการระบายน้ำออกไป 3,652
ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากปี 2554 และ 2560 ทำให้ในช่วงปลายปี เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำกักเก็บคงเหลือ 852 ล้านลูกบาศก์เมตร
(89% ของความจุเขื่อน) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก ทั้งนี้เป็นปริมาณน้ำใช้การได้จริง 849 ล้านลูกบาศก์เมตร