ปี 2565 ประเทศไทยมีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งประเทศ 1,848 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 349 มิลลิเมตร หรือมากกว่าปกติประมาณ
23% พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมีฝนตกมากกว่าปกติ แต่มีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นเป็นหย่อมเล็ก ๆ ในทุกภาค โดยเฉพาะ
บางพื้นที่ทางด้านตะวันออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนกลางของภาคใต้ที่มีฝนตกน้อยกว่าปกติค่อนข้างมาก
ภาคเหนือ มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 1,365 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 25% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดลำพูนมีฝนตกมากกว่าปกติสูงที่สุดถึง 39.76% รองลงมาคือจังหวัดเชียงใหม่และลำปางที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 34.54% และ 32.77% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ น่าน เชียงใหม่ ตาก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 1,766 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 27% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดบุรีรัมย์มีฝนตกมากกว่าปกติสูงที่สุดถึง 56.88% รองลงมาคือจังหวัดนครราชสีมาและบึงกาฬที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 43.33% และ 41.02% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร อุดรธานี หนองบัวลำภูและสุรินทร์ โดยเฉพาะจังหวัดนครพนมที่มีฝนตกน้อยกว่าปกติ 10.57% ซึ่งน้อยเป็นอันดับที่สองของประเทศรองจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ภาคกลาง มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 1,520 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 24% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดนนทบุรีมีฝนตกมากกว่าปกติที่สุด 40.72% รองลงมาคือกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 39.62% และ 39.35% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรีและสมุทรสาคร
ภาคตะวันออก มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 2,192 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 20% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดนครนายกมีฝนตกมากกว่าปกติสูงที่สุดถึง 57.68% ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีฝนตกมากกว่าปกติมากที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2565 ส่วนฝนตกมากกว่าปกติเป็นลำดับ 2 และ 3 ของภาคตะวันออกคือจังหวัดปราจีนบุรีและระยองที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 32.53% และ 31.43% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นเป็นหย่อมเล็ก ๆ ในบางพื้นที่ของจังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรีและตราด
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 2,580 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 19% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดนราธิวาสมีฝนตกมากกว่าปกติที่สุด 42.48% รองลงมาคือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และปัตตานีที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 41.00% และ 40.12% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีฝนตกน้อยกว่าปกติ 10.83% ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีฝนตกน้อยกว่าปกติมากที่สุดในประเทศประจำปี 2565
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกเฉลี่ยทั้งภาค 3,026 มิลลิเมตร มากกว่าปกติ 23% พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคมีฝนตกมากกว่าปกติ โดยจังหวัดพัทลุงมีฝนตกมากกว่าปกติที่สุด 44.12% รองลงมาคือจังหวัดตรังและสตูลที่มีฝนตกมากกว่าปกติ 28.06% และ 21.48% และมีฝนตกน้อยกว่าปกติเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีฝนตกน้อยกว่าปกติ 5.55% ซึ่งน้อยกว่าปกติที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศประจำปี 2565
หมายเหตุ : ประมาณค่าฝนด้วยวิธี Inverse Distance Weighting (IDW) โดยใช้ข้อมูลจากสถานีตรวจอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา
ปี 2565 ประเทศไทยมีปริมาณฝนมากกว่าค่าปกติ 23%
ภาค | ปริมาณฝน ปี 2565 | ปริมาณฝนที่ต่างจากปกติ | |
มิลลิเมตร | เปอร์เซ็นต์ | ||
เหนือ | 1,565 | +318 | +25 |
ตะวันออกเฉียงเหนือ | 1,766 | +373 | +27 |
กลาง | 1,520 | +294 | +24 |
ตะวันออก | 2,192 | +359 | +20 |
ใต้ฝั่งตะวันออก | 2,580 | +418 | +19 |
ใต้ฝั่งตะวันตก | 3,026 | +348 | +13 |
ทั้งประเทศ | 1,848 | +349 | +23 |
รหัสจังหวัด | ชื่อจังหวัด | ฝนตกต่างจากปกติ (%) | รหัสจังหวัด | ชื่อจังหวัด | ฝนตกต่างจากปกติ (%) |
26 | นครนายก | 57.68 | 37 | อำนาจเจริญ | 26.34 |
31 | บุรีรัมย์ | 56.88 | 44 | มหาสารคาม | 25.79 |
93 | พัทลุง | 44.12 | 13 | ปทุมธานี | 25.68 |
30 | นครราชสีมา | 43.33 | 42 | เลย | 25.32 |
96 | นราธิวาส | 42.48 | 27 | สระแก้ว | 24.00 |
38 | บึงกาฬ | 41.02 | 63 | ตาก | 23.88 |
77 | ประจวบคีรีขันธ์ | 41.00 | 64 | สุโขทัย | 23.70 |
12 | นนทบุรี | 40.72 | 86 | ชุมพร | 23.22 |
94 | ปัตตานี | 40.12 | 58 | แม่ฮ่องสอน | 23.17 |
51 | ลำพูน | 39.76 | 20 | ชลบุรี | 22.83 |
10 | กรุงเทพมหานคร | 39.62 | 35 | ยโสธร | 22.69 |
11 | สมุทรปราการ | 39.35 | 91 | สตูล | 21.48 |
34 | อุบลราชธานี | 39.20 | 67 | เพชรบูรณ์ | 21.06 |
32 | สุรินทร์ | 38.25 | 76 | เพชรบุรี | 21.02 |
36 | ชัยภูมิ | 34.73 | 45 | ร้อยเอ็ด | 20.06 |
18 | ชัยนาท | 34.72 | 24 | ฉะเชิงเทรา | 20.00 |
50 | เชียงใหม่ | 34.54 | 14 | พระนครศรีอยุธยา | 19.61 |
73 | นครปฐม | 34.24 | 65 | พิษณุโลก | 19.20 |
90 | สงขลา | 33.49 | 66 | พิจิตร | 19.11 |
60 | นครสวรรค์ | 33.38 | 55 | น่าน | 18.68 |
52 | ลำปาง | 32.77 | 80 | นครศรีธรรมราช | 16.51 |
25 | ปราจีนบุรี | 32.53 | 54 | แพร่ | 15.06 |
62 | กำแพงเพชร | 32.42 | 70 | ราชบุรี | 14.32 |
72 | สุพรรณบุรี | 31.89 | 39 | หนองบัวลำภู | 14.06 |
83 | ภูเก็ต | 31.71 | 71 | กาญจนบุรี | 13.22 |
19 | สระบุรี | 31.58 | 46 | กาฬสินธุ์ | 13.07 |
21 | ระยอง | 31.43 | 85 | ระนอง | 12.95 |
33 | ศรีสะเกษ | 30.95 | 82 | พังงา | 12.23 |
95 | ยะลา | 30.78 | 41 | อุดรธานี | 11.79 |
40 | ขอนแก่น | 30.48 | 53 | อุตรดิตถ์ | 11.57 |
74 | สมุทรสาคร | 29.96 | 22 | จันทบุรี | 8.37 |
57 | เชียงราย | 29.48 | 49 | มุกดาหาร | 2.56 |
43 | หนองคาย | 28.12 | 23 | ตราด | 1.94 |
92 | ตรัง | 28.06 | 75 | สมุทรสงคราม | 1.91 |
56 | พะเยา | 27.72 | 47 | สกลนคร | 0.09 |
17 | สิงห์บุรี | 26.54 | 81 | กระบี่ | - 5.55 |
16 | ลพบุรี | 26.52 | 48 | นครพนม | - 10.57 |
15 | อ่างทอง | 26.39 | 84 | สุราษฎร์ธานี | - 10.83 |
61 | อุทัยธานี | 26.37 |
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณและการกระจายตัวของฝนในปี 2565 กับข้อมูลย้อนหลังในรอบ 20 ปี (2546-2564) พบว่าปี 2565 มีฝนตกมากที่สุด ซึ่งหมายรวมถึงมากกว่าปี 2554 ที่ประเทศไทยเกิดอุทกภัยร้ายแรง และมากกว่าปี 2560 ที่มีฝนตกหนักใกล้เคียงกับปี 2554 แต่ทั้งนี้ปี 2560 และปี 2565 ไม่ได้เกิดอุทกภัยร้ายแรงเป็นบริเวณกว้างและท่วมเป็นระยะเวลายาวนานเหมือนกับปี 2554 เนื่องจากลักษณะฝนมีความแตกต่างกัน โดยปี 2554 มีฝนตกหนักมากครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ทำให้น้ำไหลลงไปสู่ภาคกลางซึ่งเป็น
พื้นที่ลุ่มต่ำ ยากต่อการระบายน้ำจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างและยาวนาน ต่างจากปี 2560 ที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีศักยภาพในการระบายน้ำลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่สามารถระบายลงไปยังแม่น้ำโขงได้ ทำให้ไม่เกิดการท่วมขังเป็นบริเวณกว้างและเป็นระยะเวลายาวนานเหมือนปี 2554 สำหรับปี 2565 มีฝนตกหนักเป็นหย่อมเล็ก ๆ กระจายตัวในหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักกระจุกตัวเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป รวมถึงตอนบนของ
ภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงราย ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดบึงกาฬ ตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษและอุบลราชธานี ตอนบนของภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายกและปราจีนบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีฝนมากกว่าปีอื่น ๆ ด้วยลักษณะการกระจายตัวของฝนที่ตกในปี 2565 ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นหย่อม ๆ ในบางพื้นที่เท่านั้น และไม่ท่วมยาวนานเหมือนปี 2554