เมื่อวิเคราะห์ปริมาณฝนที่ตกกับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2554-2563) ประเทศไทยมีฝนตกปีละประมาณ 769,303 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็นปริมาณน้ำท่าประมาณ 214,636 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งบางส่วนของน้ำท่าที่ไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่มีอยู่ประมาณ 40,335 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 5.2% ของฝนที่ตกเท่านั้น ทั้งนี้หากแจกแจงเป็นรายภาค ภาคเหนือมีน้ำไหลลงเขื่อน 6.7% ของปริมาณฝนที่ตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.2% ภาคกลาง 14.9%
ภาคตะวันออก 2.0% และภาคใต้ 3.1% ทั้งนี้เขื่อนขนาดใหญ่ทั้งประเทศมีความจุรวมกันอยู่ที่ประมาณ 70,926 ล้านลูกบาศ์เมตร มีน้ำไหลลงเขื่อนเฉลี่ยปีละประมาณ 40,335 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือมีน้ำไหลลงเขื่อนเพียง 57% ของความจุเขื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ปริมาณฝนที่ตกและปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนมีความแปรปรวนค่อนข้างสูง ฝนตกไม่สม่ำเสมอ ผิดที่ผิดเวลา ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่ที่เป็นโครงสร้างน้ำหลักของประเทศมีความแปรปรวนสูงตามไปด้วย ดังนั้นจึงมีความ
จำเป็นต้องพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งกักเก็บน้ำอื่นให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยเสริมเขื่อนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงสร้างหลัก ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก แก้มลิง ห้วย หนอง คลอง บึง บ่อต่าง ๆ เพื่อช่วยรองรับน้ำฝนกรณีฝนตกผิดที่ รวมถึงยังสามารถช่วยลดน้ำหลากกรณีเกิดฝนตกหนักผิดปกติอีกด้วย รวมถึงเพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฝนที่อาจมีความแปรปรวนมากขึ้นในอนาคต
ภาค | ปริมาณฝน (ล้าน ลบ.ม.) |
ปริมาณน้ำท่า (ล้าน ลบ.ม.) |
ความแปรปรวนสูงสุดของฝน | ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน (ล้าน ลบ.ม.) |
ความจุรวมของเขื่อน (ล้าน ลบ.ม.) |
ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน (ร้อยละของปริมาณฝน) |
ความแปรปรวนสูงสุดของปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน |
เหนือ | 195,657 | 49,110 | 38% | 13,131 | 24,825 | 6.71% | 128% |
ตะวันออกเฉียงเหนือ | 232,413 | 46,250 | 22% | 7,355 | 8,368 | 3.16% | 87% |
กลางและตะวันตก | 83,929 | 22,913 | 24% | 12,519 | 28,023 | 14.92% | 61% |
ตะวันออก | 68,257 | 26,415 | 20% | 1,347 | 1,515 | 1.97% | 52% |
ใต้ | 194,102 | 77,447 | 28% | 5,984 | 8,194 | 3.08% | 38% |
ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ | 769,303 | 214,636 | 23% | 40,335 | 70,926 | 5.24% | 79% |